สิ่งที่ควรมีก่อนเริ่มต้นเลี้ยงอากิตะญี่ปุ่น
- deathlyyogurt
- 14 ก.ค.
- ยาว 2 นาที
จากประสบการณ์ของผมเองนะครับ สิ่งที่ควรมีก่อนเริ่มเลี้ยงอากิตะญี่ปุ่น บางคนอาจจะมองว่ามันก็เหมือนหมาทั่วๆไป ใช่ครับ ก็ทั่วๆไปของหมาขนหนาหลายชั้น ตัวใหญ่ กินยากทั่วๆไปครับ วันนี้ผมก็เลยจะมาแนะนำใหม่อีกที ใครที่คิดว่าเลี้ยงโอเคแล้วไม่ต้องอ่านโพสนี้ก็ได้ครับ
1. สติ ใช่ครับสติ อากิตะเป็นหมาขนาดใหญ่ (ถึงแม้จะไม่ใหญ่เท่าพวกอลังการก็เถอะ) หนักราวๆ 35-50 กก. โดยที่ไม่ได้อ้วนจนสุขภาพเสีย แม้ว่าจะต้องการการออกกำลังกายต่ำแต่ควรเป็นคนที่ร่างกายแข็งแรงระดับนึงครับ เวลาที่เจ็บป่วยหรือการปะทะกันระหว่างหมา (แม้หมาเราจะไม่ได้เปิดก่อน ก็ไม่ได้แปลว่าหมาชาวบ้านจะไม่เปิดหมาเราครับ) จะต้องสามารถแก้ไขได้ ควรให้หมามีการหัดเข้าสังคมแต่เด็ก(ถึงหมาเราจะอยู่ในสังคมใหญ่มาตั้งแต่เกิดก็ตาม) ทำร่างกาย(คนเลี้ยง)ให้แข็งแรงไว้ก็จะช่วยตรงนี้ได้ครับ 2. สตางค์ ใช่ครับ สตางค์ ค่าตัวจะเป็นรายจ่ายที่น้อยที่สุดไปเลยถ้าได้ลองเลี้ยงแม้ว่าจะจ่ายเป็นก้อนหนักทีละ2-3 หมื่น หรือแบบที่ผมจ่ายหลายแสน หรือมากกว่านั้น แต่เทียบไม่ได้กับรายจ่ายที่จะต้องจ่ายต่อในระยะยาวโดยเฉพาะเมื่อเขาเจ็บป่วย ซึ่งค่ารักษาพยาบาลนั้นสูงมาก แม้ว่าพันธุกรรมของหมาผมจะเทพประทานขนาดไหนแต่ก็ยังสามารถประสบอุบัติเหตุหรือเกิดความเครียด ขาดบาลานซ์สารอาหารจนภูมิตกได้เช่นกันครับ รวมไปถึงค่าอาหารการกิน ค่ายาถ่ายพยาธิทุก 1-3 เดือน ยา Nextgard Spectra 1-2 เดือนครั้ง น้ำยาทำความสะอาดและอื่นๆอีกมากมายครับ 2.1 โหมดหวี หวีที่ควรมีคือ หวีซี่สำหรับช่วยสางขนตาย แปรงหัวหมุดสำหรับหวีบำรุงขนนวดผิวหนังประจำวัน แปรงขนหมูขัดขนให้นุ่มสลวยและกระตุ้นการขับน้ำมันเคลือบขน และสลีคเกอร์สำหรับจัดการกับขนตายเวลาผลัดขนครับ ควรเป็นเกรดกลางขึ้นไปเพื่อความทนทานและไม่ก่อให้เกิดบาดแผลกับหมาในการใช้งาน หรือจะใช้เกรดเดียวกับที่เราใช้ก็ได้ครับ เราใช้ Chris Christensen ทั้งเซ็ต อันละราวๆ 4k บาท กี่อันก็คูณเข้าไป


2.2 แชมพู ควรใช้เป็นเกรดกลางขึ้นไปครับ ควรระวังเรื่องแชมพูที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองของผิวหนัง เน้นบำรุงขน ใช้ที่มี oat meal ผสมก็จะช่วยลดการเกิดโรคผิวหนัง ขนไม่หลุดร่วงและให้ดีควรใช้คู่กับครีมนวดในซีรีส์เดียวกันครับ เช่นเคย ทางเราก็ใช้ของ Chris Christensen ครับ เป็นรุ่น Day 2 day ใช้คู่กับครีมนวดซีรีส์เดียวกัน ขนสวย หอมชื่นใจ เหมือเงินที่โบยบินจากไป

2.3 อุปกรณ์เป่าขน ขี้เกียจเดินไปถ่ายใหม่ขออนุญาตพิมพ์เอา แนะนำเป็นเครื่องไล่น้ำที่สามารถเปิดได้นานกว่า 1 ชม. ต่อเนื่องแม้จะมีตัวเดียวก็ตาม ราคาราวๆตัวละ 4-5 k บาท แม้จะเช็ดตัวให้แห้งแล้วก็ยังใช้เวลาค่อนข้างนานในการเป่าต่อรอบอยู่ดี (ราวๆ 30-60 นาที แล้วแต่ความหนาของขน) 3 ข้อที่เขียนมาสามารถแทนได้โดยการพาไปอาบน้ำ โดยมากร้านจะคิดที่ 1,500 บาท++ แล้วแต่ความหรูหราของร้านครับ ถ้ามีซัก 4-5 ตัวก็รับรองว่ายิ้มหวานแน่นอน ส่วนผมเลือกจะทำเองแต่แรกเพราะไม่ค่อยไว้ในร้านอาบน้ำหมาครับ ส่วนหลังๆก็คือไปไม่ไหว 1,500 x 16 = 24k บาทต่อเดือน ผมอาบเองดีกว่าครับ... 2.4 แอร์ ใช่ครับ มันต้องอยู่แอร์ ปกติอาจจะอยู่ข้างนอกบ้างแต่ถ้าเมื่อไรที่อากาศร้อน และอากาศก็ร้อนขึ้นเรื่อยๆทุกปีๆด้วย ช่วงที่อากาศร้อนก็เยอะขึ้น จึงควรมีห้องแอร์ให้นอนเพื่อป้องกันอาการฮีทสโตรคครับ แอร์รุ่นที่ใช้ก็แพงตามขนาดพื้นที่ที่อยู่อาศัย ราคาเริ่มต้นก็ราวๆ 10k ขึ้นไป ไม่รวมค่าไฟที่จะเพิ่มราวๆ 1-2k บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับว่าปกติแล้วเปิดแอร์อยู่แล้วและหมาสามารถอยู่ด้วยได้รึเปล่า? 2.5 ค่าอาหาร อันนี้ทั่วไปครับ แต่อาจจะต้องการความหลากหลายในอาหารหน่อยถ้าอยากให้สภาพสมบูรณ์ทางเราใช้อาหารที่ทำเองสลับๆกับอาหารเม็ดบ้างบางครั้งคราวเพราะเราเคยใช้มาแล้วทุกเกรดที่มีในไทยครับ กระสอบละสี่ห้าพันก็เคย ไม่มีตัวไหนสู้อาหารทำเองได้เลยซักยี่ห้อครับ อาจจะมีเสริมน้ำมันปลาเพื่อความสวยงามของผิวหนังและขนอีกเดือนเว้นเดือนก็ได้ครับ อาหารหมาไม่ต้องเน้นโปรตีนมากถ้ากิจกรรมไม่เยอะจริงๆ เน้นที่หมากินได้เยอะๆจะดีที่สุดครับ

2.6 สายจูง ใช้สำหรับเดินทาง เดินเล่น และฝึกระเบียบวินัย ควรใช้เกรดที่มีความทนทานสูงและใช้สายจูงที่รัดคอไม่ใช่รัดอก เพราะเมื่อเราสอนเขาจนเข้าใจ (แต่ตัวเราต้องเข้าใจก่อนนะว่าจะสอนอะไร ไม่ใช่ไปเรื่อยรับประกันว่าหมางงแล้วจะได้ผลลัพธ์ตรงกันข้ามแน่นอน) สายที่รัดคอจะไม่ได้รัดอะไรมากมาย ส่วนสายที่รัดอกหมาจะไม่รู้สึกถึงการถูกบังคับทำให้ดื้อชิบหายเหมือนเดิมบางครั้งดื้อหนักกว่าเดิมด้วยเพราะสบาย ชิว หรือเอาไว้แอ็คได้อีก นึกถึงหมาที่มีคนพยายามห้ามแล้วจะทำตัวเก่งกว่าเดิม พอปล่อยให้ทำดันกลัววิ่งหนี อะไรแบบนั้น แถมยังมีผลทำให้ศรีระเพี้ยนในระยะยาว คือเดินขาหน้าแบะออก ทีนี้บรรลัยยาวๆครับ

2.7 ที่อยู่แยกถ้าบ้านมีข้าวของใช้ที่สำคัญ คุรุมิเมื่อตอนเด็กกัดของใช้ในบ้านเช่นหูฟัง ไมโครโฟน คีย์บอร์ด เม้าส์ รวมๆราวๆ ครึ่งแสนบาท กัดบอนไซผมตายไปราวๆสองแสนกว่าบาท ต้นไม้อื่นๆที่ราคากำลังแรงๆช่วงนั้นอีกหลายแสน ลูกหมาชุดแรกกัดบอนสีที่บ้านเราหมดไปราวๆเกือบล้านบาท ถ้ามีอะไรพวกนี้ในบ้านและไม่อยากสูญเสียก็แนะนำให้มีบ้านแยก(ติดแอร์)ซักหลังหรือกรงแข็งแรงๆขังไว้ในห้องแอร์เย็นๆเวลาไม่มีคนดูครับ

2.8 สำรองยามเจ็บป่วย อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ คำนี้ยังไงก็ยังเป็นความจริง อุซางิเคยกินดินจากใบไม้ที่ทำปุ๋ยท้องเสีย อ้วกหมดไปราวๆ 5k บาท (ก่อนจะพบว่ามันหายของมันเอง ระหว่างรอการรักษา) หมดยังไม่ทันรักษาอะไร ฮานะโดนตะขาบกัดครอกแรกเนื้อช่วงอกอักเสบรักษาอยู่ 4 เดือนหมดไปรวมราวๆ 70k บาท โทราโอะ โจมุสุเกะ ชิเมะและจุนจุนมารุ ติดโปรโตซัวสายพันธุ์แถวอินเดียจากเนื้อวัวที่กิน หมดไป 120k บาท(ตกตัวละราวๆ 30k บาท อันนี้หนักหน่อยเพราะจ่ายรวดเดียว) แม้จะมีการฉีดวัคซีนครบก็ไม่ได้ช่วยอะไรกับการเจ็บป่วยพวกนี้ครับ ยิ่งถ้าได้สายเลือดที่ไม่ดีไปก็เตรียมใจได้เลยว่าสาหัสกว่านี้อีกมากครับ (อันนี้ผมเห็นมาเองระหว่างพาฮานะไปรักษา หมาเป็นเกล็ดเลือดต่ำ ต้องมาถ่ายเลือดทุกอาทิตย์ มาได้ราวๆ 2 เดือนครับแล้วสุดท้ายก็ไม่รอด) คร่าวๆตอนนี้นึกออกแค่นี้ครับ แต่มีมากกว่านี้แน่นอนครับแต่วันนี้เอาเท่านี้ก่อนละกันครับ วันไหนผมนึกอะไรออกก็จะคอยมาเติมๆให้อีกที อย่างไรก็ตามแม้เราจะเตรียมไว้พร้อมแค่ไหนแต่จากประสบการณ์ของผมพบว่ามันจะมีที่เราไม่ได้คิดไว้อีกอย่างแน่นอน ที่ผมเขียนไว้ใช้เป็นไกด์แนะนำแนวทางได้ครับแม้มันจะไม่ครอบคลุมทั้งหมดก็ยังพอเป็นแนวทางให้ท่านใดก็ตามที่สนใจเลี้ยงอากิตะ หรือหมาทรงๆเดียวกันได้ ไม้ Tama Garden



ความคิดเห็น